วิธี กำจัดราดำ ฝังแน่นซิลิโคนในห้องน้ำ แบบไม่ใช้เคมี

กำจัดราดำ

ห้องน้ำเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ราสีดำโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อมีสภาพแวดล้อมที่อุ่น และชื้นที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อราสีดำ ดังนั้นการเติบโตของราดำบนซิลิโคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้เชื้อราแพร่กระจายได้มากขึ้น ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำ กำจัดราดำ ออกจากซิลิโคน ด้วยวิธีแบบไร้สารเคมี

สิ่งที่ต้องใช้

  • อ่าง หรือชาม
  • ถุงมือยาง หน้ากาก แว่นตาป้องกัน
  • แปรงสีฟันเก่าที่สะอาด หรือแปรงขนแข็ง
  • น้ำส้มสายชู
  • เบกกิ้งโซดา
  • สารฟอกขาว
  • ผ้าสะอาด
  • ฟองน้ำ

ขั้นตอนการกำจัดราดำ

  1. ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงกับเบกกิ้งโซดา 2-3 ช้อนชาเพื่อทำเป็นแป้งสำหรับทำความสะอาด
  2. ใช้ผ้าทาส่วนผสมในข้อ 1 ในปริมาณเล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้เรียบตามพื้นผิวของสารเคลือบ
  3. ทิ้งไว้ 5-10 นาที
  4. ใช้แปรงสีฟันเก่า หรือแปรงขนแข็งขัดส่วนผสมออกจากสารเคลือบหลุมร่อง
  5. ชุบฟองน้ำให้เปียกเพื่อทำความสะอาด ก่อนจะล้างสารเคลือบด้วยน้ำเย็น
  6. หากคราบยังฝังแน่นอยู่ให้ทำขั้นตอนที่ 4-5 ซ้ำอีกรอบ

วิธี กำจัดราดำ บนที่นอนด้วยของที่มีในบ้าน

การพบเชื้อราบนพื้นผิวของที่นอนนั้นอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ลึกกว่ามากมายภายในที่นอน เชื้อราจะปรากฎบนที่นอนหากสภาวะในและรอบๆ ที่นอนอุ่น และชื้นเกินไป หากพบเชื้อราอย่างรวดเร็วและมีวิธีกำจัดเชื้อราบนที่นอนอย่างเหมาะสม ก็สามารถแก้ไขปัญหาเชื้อราบนที่นอนได้ สำหรับวิธีนี้เหมาะกับการแก้ปัญหาบริเวณของเชื้อราแบบเล็กๆ

  1. สวมอุปกรณ์ป้องกัน และปรับปรุงคุณภาพอากาศ
    เพื่อลดโอกาสที่คุณจะเกิดอาการแก้ต่อสปอร์ของเชื้อรา ให้สวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา หน้ากาก และถุงมือยาง สวมเสื้อผ้าที่สามารถโยนลงในเครื่องซักผ้าได้ ถ้าเป็นไปได้ ให้วางเครื่องฟอกอากาศไว้ให้ห้องเพื่อช่วยดักจับสปอร์ของเชื้อราที่ฟุ้งในอากาศ
  2. ถอดเครื่องนอนออกทั้งหมด
    ถอดผ้าปูที่นอนทั้งหมด รวมทั้งผ้ารองกันเปื้อนที่นอน แล้วซักด้วยน้ำร้อนจัด (เลือกให้เหมาะกับเนื้อผ้า) โดยเพิ่มสารฆ่าเชื้อ สารฟอกขาวคลอรีนสารฆ่าเชื้อน้ำมันสน หรือสารฆ่าเชื้อฟีนอลที่ปลอดภัยสำหรับใช้กับผ้า ผึ่งผ้าปูที่นอนด้วยความร้อนสูงสุดที่เหมาะสมกับเนื้อผ้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าสปอร์ของเชื้อราถูกกำจัดไปแล้ว
  3. ดูดฝุ่นที่นอนใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมือจับ หรือเครื่องดูดฝุ่นแบบตั้งพื้น วิลล่าภูเก็ต ดูดฝุ่นบนที่นอนโดยเริ่มต้นที่ปลายที่นอนด้านหนึ่งและดูดฝุ่นบนพื้นผิวทั้งหมด แม้แต่บริเวณที่ไม่มีราขึ้น อย่าลืมดูดฝุ่นด้านข้างของที่นอนด้วย ถ้าเป็นไปได้ให้พลิกที่นอนแล้วตรวจดูอีกด้านเพื่อหาการเจริญเติบโตของเชื้อราและทำซ้ำ เมื่อดูดฝุ่นสิ้นสุดลงแล้ว ให้นำเครื่องดูดฝุ่นออกไปด้านนอกเพื่อลดโอกาสที่สปอร์ของเชื้อราจะแพร่กระจายและเทถุงหรือถังเก็บฝุ่นแบบใช้แล้วทิ้งลงในถุงขยะ ปิดถุงขยะให้แน่นแล้วทิ้งลงในถังขยะกลางแจ้ง
  4. ควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อราบริเวณที่มีการเจริญเติบโตของเชื้อราจะต้องทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะฆ่าสปอร์ คุณไม่ควรทำให้ที่นอนเปียกด้วยสารละลายที่เปียกมากเกินไปเพราะอาจทำให้ที่นอนเสียหายได้ น้ำยาทำความสะอาดจะไม่จัดการกับสปอร์ของเชื้อราที่อยู่ลึกเข้าไปในแกนของที่นอน ในการฆ่าเชื้อราบนพื้นผิวที่นอนให้ผสมสารละลายไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์กับน้ำในอัตราส่วน 50 : 50 แล้วจุ่มผ้าสะอาดลงในสารละลายแล้วถูพื้นผิวที่ขึ้นราของที่นอนเบาๆ เป็นวงกลม เมื่อบริเวณนั้นไม่มีราที่มองเห็นได้ ให้จุ่มผ้าลงในน้ำสะอาดแล้วล้างบริเวณนั้น
  5. ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อผ้า
    หลังทำความสะอาดและล้างแล้ว ท่อตัน ให้ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดผ้าซึ่งจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราบนพื้นผิวที่อ่อนนุ่มได้นานถึง 14 วัน
  6. ทำให้แห้งอย่างทั่วถึง
    เปิดพัดลมให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ หรือย้ายที่นอนไปให้โดนแสงแดดโดยตรงเพื่อช่วยให้แห้งเร็วและทั่วถึงที่สุด เมื่อพบเชื้อราบนที่นอน ควรทำความสะอาดทันที หรือทิ้งที่นอนนั้นเลยเพราะตราบใดที่ยังมีสปอร์ และที่นอนอยู่ในอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมสปอร์ก็จะเติบโตต่อไป